มะนาวกับสุขภาพ
มะนาว เป็นผลไม้ที่อยู่คู่ครัวไทยมานาน นอกจากจะเป็นเครื่องปรุงอาหารรสแซบที่หลายคนขาดไม่ได้ยังมีประโยชน์อีกมาก มาย เช่น เป็นเครื่องดื่มแก้กระหาย เป็นส่วนผสมของเครื่องสำอาง สมุนไพร ทำเป็นน้ำยาล้างจานรักษาความสะอาด เครื่องหอมดับกลิ่น
ที่สำคัญในทางการแพทย์ น้ำมะนาวสามารถนำไปใช้เป็นส่วนผสมของยารักษาโรคได้ เช่นโรคลักปิดลักเปิด ยาแก้ไอขับเสมหะ หลายคนคงรู้จักดีว่าต้องบีบหรือคั้นน้ำ ผสมน้ำผึ้ง แล้วจึงใส่เกลือเล็กน้อยเพื่อให้จิบบ่อย ๆ ก็จะช่วยได้เป็นอย่างดี หรือจะใช้เป็นยาทาแก้กลาก เกลื้อน หิด ด้วยการบีบน้ำมะนาวผสมผงกำมะถันทาก่อนนอน ทาแก้น้ำกัดเท้าก็ได้ด้วย
สำหรับเปลือกของมะนาว ก็มีประโยชน์ไม่แพ้กันแม้จะมีรสขม ช่วยขับลม รักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ แน่นจุกเสียด ซึ่งวิธีใช้โดยการนำเปลือกสดของมะนาวประมาณครึ่งผล คลึงให้น้ำมันออกมาแล้วฝานบาง ๆ ชงกับน้ำร้อนดื่มเวลามีอาการหรือหลังอาหาร 3 เวลา
นอกจากนี้ มะนาวยังสามารถสร้างภูมิคุ้มกันที่ดีให้แก่ร่างกายได้ด้วย เช่น ช่วยลดและควบคุม คอลเลสเตอรอลในเลือดซึ่งเป็นไขมันไม่ดี จะทำให้ป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจเป็นอย่างดีโดยเฉพาะผู้หญิงวัยทอง ในระยะหลังมีผลงานวิจัยจากต่างประเทศหลายชิ้นงานที่ระบุว่า น้ำมะนาวเข้มข้นมีฤทธิ์ต้านการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็ง ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ ปอด ช่องปาก กระเพาะอาหาร และมะเร็งเต้านมได้อีกด้วย
นับว่าผลไม้ลูกเล็กๆ นี้มีประโยชน์อเนกอนันต์ จงใช้ให้เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ยังสร้างรายได้ให้ชาวไร่ชาวสวน ในขณะเดียวกันการปลูกมะนาวก็ยังส่งผลต่อการรักษาสภาพดิน น้ำ เรียกว่าส่งเสริมการใช้การกินมะนาวได้ประโยชน์ทั้งคน และสิ่งแวดล้อม ใครที่ไม่ชอบก็ต้องหัด ใครที่ชอบก็ส่งเสริมให้กินให้ใช้มะนาวแท้ ๆ อย่าไปใช้มะนาวเทียม หรือ น้ำอัดลมรสมะนาว เพราะนั่นจะไม่ได้ประโยชน์อย่างที่ต้องการแล้วอาจมีโทษแทรกมาอีกด้วย
มะม่วงป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านม
“มะม่วง” นอกจากจะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติอร่อยแล้ว ยังเป็นผลไม้ที่มีเส้นใย โพแทสเซียม และวิตามินซีสูงอีกด้วย และในขณะนี้ การศึกษาในห้องปฏิบัติการ ค้นพบว่ามะม่วงอาจช่วยป้องกัน หรือทำลายเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งเต้านมได้
การศึกษาจัดทำโดยนัก วิทยาศาสตร์อาหารจากศูนย์วิจัย Texas AgriLife โดยทำการทดสอบสารสกัดโพลีฟีนอลในมะม่วง (สารธรรมชาติที่พบในพืช ซึ่งเชื่อว่าช่วยส่งเสริมสุขภาพ) กับเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่ มะเร็งเต้านม มะเร็งปอด มะเร็งเม็ดเลือดขาว และมะเร็งต่อมลูกหมากในห้องปฏิบัติการผลการศึกษาพบว่า สารสกัดจากมะม่วงมีผลต่อมะเร็งปอด และมะเร็งต่อมลูกหมากบ้างเล็กน้อย แต่กลับมีประสิทธิภาพมากกับมะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ โดยสามารถทำให้เซลล์มะเร็งเต้านมและมะเร็งลำไส้ใหญ่ตายได้ รวมทั้งยังไม่ทำอันตรายกับเซลล์ที่ดี ซึ่งอยู่ติดกับเซลล์มะเร็งด้วย
จากผลการศึกษานี้ นักวิจัยวางแผนต่อไปว่าจะทำการทดลองเล็กๆ ทางคลินิกกับอาสาสมัครที่มีการอักเสบของลำไส้เล็ก และมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็ง เพื่อดูว่ามีผลทางคลินิกหรือไม่?
สำหรับ ประโยชน์ของมะม่วงนั้น นอกจากมีวิตามินซีสูงแล้ว ยัง มีวิตามินเอ (เบต้าแคโรทีน) และมีวิตามินอื่น ๆ ที่จำเป็นสำหรับร่างกาย เช่น วิตามินอี บี และเค ซึ่งทั้งหมดนี้จำเป็นสำหรับหัวใจ ช่วยให้หัวใจแข็งแรง และยังอุดมไปด้วยเส้นใย ช่วยรักษาอาการท้องผูกและกล้ามเนื้อลำไส้ใหญ่แข็งเกร็งได้อีกด้วย
น้ำทับทิม
ทับทิม เป็นผลไม้ที่สวยงามและมีกลิ่นหอมมาก สามารถปลูกได้ในประเทศไทย แต่ที่แท้จริงเป็นผลไม้ที่มีต้นกำเนิดมาจากเปอร์เซีย (ประเทศอิหร่านในปัจจุบัน) และมีแถบอินเดียตอนเหนือบริเวณเทือกเขาหิมาลัย
ในเมืองไทย ทับทิมดูจะเป็นผลไม้ที่ศักดิ์สิทธิ์ และเป็นที่นิยมนำไปถวายแด่พระแม่กวนอิม ในประวัติศาสตร์ พบว่าได้มีการนำทับทิมมาทำเป็นยารักษาโรคตั้งแต่ 80 ปีมาแล้ว ในประเทศเปอร์เซียโบราณมีความเชื่อว่า คุณค่า ทางอาหารทุกชนิดที่มีอยู่ในผลไม้ต่างๆ นั้น รวมกันอยู่ในทับทิม ทับทิมเป็นผลไม้ที่ได้รับการเพาะปลูกอย่างแพร่หลาย โดยมีการใช้ทับทิมเป็นสัญลักษณ์ของผลไม้ ถือว่าเป็นผลไม้จากสวรรค์หรือเป็นของขวัญจากพระเจ้าส่วนผสม
เนื้อลูกทับทิม 1 ถ้วยตวง
น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม ตามชอบ
เกลือ ตามชอบ
วิธีทำ
นำทับทิมแกะเอาแต่เนื้อ 1 ถ้วย ใส่ในผ้าขาวบางขยำเติมน้ำต้มสุข 1 ถ้วย ขยำซ้ำอีก กะว่าให้ได้เนื้อออกมาจากเมล็ดมากที่สุด จากนั้นนำมาเติมน้ำเชื่อมและเกลือป่น คนให้ละลาย ชิมตามชอบ
ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร
ทับทิมในตำราแพทย์สมัยโบราณ ในผลทับทิมมีวิตามินมากมายหลายชนิด รวมทั้งแมกนีเซียมและแคลเซี่ยม ซึ่งมีประโยชน์ต่อระบบฟอกโลหิต และ ระบบการหมุนเวียนในร่างกาย ในตำราแพทย์โบราณของเปอร์เซีย (ซึ่งถือว่าเป็นต้นตำรับของวิชาแพทย์ตะวันตกในปัจจุบัน) ระบุว่าทับทิมมี ประโยชน์ดังต่อไปนี้
การฟื้นฟูสู่สภาพเดิมของหัวใจและตับ
การฟอกไตและท่อปัสสาวะ
สมรรถนะในการส่งเสริมการย่อย
ขจัดไขมันส่วนเกิน
เป็นยาบำรุงกำลัง
ช่วยป้องกันการแพ้ท้อง
ช่วยปรับฮอร์โมนในวัยหมดประจำเดือน
ปรับปรุงระบบการฟอกและหมุนเวียนโลหิต
การฟื้นฟูจากโรคเบาหวาน
สมรรถนะในการกลั้นเสมหะ
ต่อต้านการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศและเพิ่มพลัง
ป้องกันโรคขี้หลงขี้ลืมในผู้สูงอายุ
ทำให้ผิวหน้าสวย
น้ำกล้วยหอม
ส่วนผสม
กล้วยหอมหั่นเป็นชิ้น 1 ถ้วยตวง
น้ำสุก 1 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
นมสด 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำกล้วยหอม ปอกเปลือกออก หั่นเป็นชิ้นๆ ใส่เครื่องปั่น เติมน้ำสุก น้ำเชื่อม นมสด ปั่นจนกล้วยหอมละเอียด จะได้น้ำกล้วยหอม สีเหลืองอ่อน รสชาติหอมหวานชื่นใจ
ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร
- กล้วยหอม มีวิตามินเอ วิตามินซี ฟอสฟอรัส โปรตีน คัลเซียม มีสารเพกติน มีน้ำตาลหลายชนิด
- ใบตอง ใช้ปิดแผลไฟไหม้ ใช้ห่อขนม
- เปลือกกล้วยหอมสุก ช่วยรักษาส้นเท้าแตก
- ยางกล้วย ใช้ห้ามเลือด
- เนื้อกล้วย ฝานทอดอบเนย ทำเค้กกล้วยหอม
- ลำต้น ใช้ทำแพ ใช้เลี้ยงหมู
- กาบกล้วย ใช้ทำเชือก
- หัวปลี ใช้ยำ แกงเลียง
น้ำมะดัน
มะดัน เป็นไม้ยืนต้นชนิดหนึ่ง ชอบขึ้นตามริมน้ำ ผลมีสีเขียว ขนาดเท่าหัวแม่มือหรือใหญ่กว่าบ้างเล็กน้อย มีรสเปรี้ยวจัด และมีวิตามินซีสูง รับประทานได้ทั้งมะดันแก่ และมะดันอ่อน
ส่วนผสม
มะดัน 6-7 ผล
น้ำเปล่า 1 1/2 ถ้วยตวง
น้ำเชื่อม 1/2 ถ้วยตวง
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
วิธีทำ
นำมะดันล้างน้ำให้สะอาด ผ่าครึ่งแล้วเอาเมล็ดออก จากนั้นเติมน้ำใส่หม้อตั้งไฟ ใส่เนื้อมะดัน พอน้ำเดือด เติมน้ำเชื่อมให้ออกรสหวาน แล้วต้มต่อจนเนื้อมะดันเปื่อยนิ่ม กรองเอากากออก เติมเกลือป่นเล็กน้อย จะทำให้น้ำมะดันมีรสเปรี้ยวหวานมากขึ้น เวลาดื่มควรเติมน้ำแข็งลงไป เพื่อช่วยแก้กระหายน้ำ ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้น
ประโยชน์และคุณค่าทางสมุนไพร
- รากและใบ แก้กระษัย แก้ระดูเสีย กัดเสมหะ บับฟอกโลหิต แก้หวัด และระบายท้อง
- รกมะดัน แก้ไข้ทับระดู และระดูทับไข้
- ผล แก้เสมหะ ขับเสมหะ ระบายท้อง และฟอกโลหิตระดู
น้ำกระท้อน
คุณค่าทางโภชนาการ
เนื้อผลมีสีน้ำตาล มีกรดอินทรีย์ วิตามินเอและซี ธาตุฟอสฟอรัส แคลเซียม คาร์โบไฮเดรต และอื่นๆ
สรรพคุณ
1. ใบ ขับเหงื่อ ต้มอาบแก้ไข้ และรักษาโรคผิวหนัง
2. ราก แก้ท้องร่วง แก้บิด มูกเลือด และดับพิษร้อนถอนพิษไข้
ส่วนผสม
1. กระท้อนฝานเอาแต่เนื้อ 2 ถ้วย
2. น้ำเชื่อม 1/3 ถ้วย
3. เกลือป่น 1 ช้อนชา
4. น้ำสะอาด 4 ถ้วย
วิธีทำ
1. ต้มกระท้อนกับน้ำ ใช้ไฟอ่อน เคี่ยว จนเนื้อกระท้อนนุ่ม กรองเอาแต่น้ำ
2. ใส่น้ำเชื่อม เกลือป่น คนให้เข้ากัน เทใส่ขวดแช่เย็น หรือใส่น้ำแข็ง
3. หรืออีกวิธีหนึ่ง ปั่นรวมกันให้ละเอียด เทใส่ขวดแช่เย็น
ประโยชน์ของกีวี
กีวีถือเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง ดังนี้
- เป็นแหล่งวิตามินซีในปริมาณสูงสุด
กีวีสีเขียวและกีวีโกลด์ หรือกีวีสีทอง กีวีทั้งสองชนิดมีปริมาณวิตามินซีสูงสุดถ้าเทียบกับผลไม้ชนิดอื่น เช่น ส้ม หรือมะละกอ จากการวิจัยพบว่า กีวี หนึ่งผลมีวิตามินซีมากกว่าส้มหนึ่งลูกถึง 74% การรับประทานกีวีสองผลต่อวันจะช่วยเพิ่มปริมาณวิตามินซีในร่างกายอย่างเห็น ได้ชัด ช่วยกระตุ้นการทำงานของภูมิคุ้มกันโรคซึ่งจะช่วยป้องกันไข้หวัด และซ่อมแซมร่างกายส่วนที่สึกหรอแถมยังกระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ๆ
- อุดมด้วยโฟเลต สำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์
โฟเลตมีบทบาทสำคัญในการสร้างสารพันธุกรรม จำเป็นอย่างยิ่งสำหรับเด็กทารกและคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายต้องการเซลล์ใหม่เป็นจำนวนมาก การรับประทานโฟเลตเป็นประจำทั้งก่อนและระหว่างตั้งครรภ์ จะช่วยทำให้ผิวและเซลล์เม็ดเลือดมีสุขภาพดี กีวีมีปริมาณโฟเลตสูงสุดเมื่อเปรียบเทียบกับกล้วย มะม่วง สัปปะรด และแอปเปิ้ล โดยมากกว่ากล้วย 49% และมากกว่ามะม่วงถึง 112.8%
- สุดยอดคุณค่าวิตามินอี
วิตามินอี มีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ลดความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ อีกทั้งยังช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และช่วยในการไหลเวียนของเลือดอีกด้วย จากการวิจัยพบว่า กีวีมีปริมาณวิตามินอีสูงสุด โดยเฉพาะกีวีทอง จะมีวิตามินอีมากกว่ามะม่วงถึงหนึ่งเท่า
- เต็มที่ด้วยพลังไฟเบอร์
ไฟเบอร์หรือเส้นใยอาหารเป็นสารที่ไม่ให้พลังงานในร่างกาย แต่สามารถทำให้อิ่มได้เร็วและนาน นอกจากนี้ ยังช่วยชำระล้างและปรับปรุงระบบย่อยอาหาร รวมถึงส่งเสริมให้หัวใจและร่างกายแข็งแรง กีวีเขียวหนึ่งผลมีปริมาณไฟเบอร์มากกว่ากล้วย 15% และมากกว่าแอปเปิ้ลและส้มถึง 25%
ข้อมูลจาก healthy.in.th
สวยๆๆ
ตอบลบเนื้อหาน่าสนใจมากครับ
ตอบลบ